อัพเดทสถานการณ์วีซ่าประเทศออสเตรเลีย

อัพเดทสถานการณ์วีซ่าประเทศออสเตรเลีย ส่งท้ายปี 2022 + คำแนะนำในการเตรียมตัวในการยื่นวีซ่าปี 2023

ปีนี้ทั้งปี ต้องบอกเลยว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่หลายคนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษที่อยากเดินทางมา ทั้งท่องเที่ยว  และมาเรียน/ทำงาน

ซึ่งในช่วงปลายปี 2021 ที่ประเทศใกล้จะเปิด จนถึงต้นปีประมาณเดือนมีนาคม 2022 วีซ่าประเทศออสเตรเลียผ่านง่ายมาก โดยเฉพาะวีซ่านร.

แต่พอเริ่มเข้าเดือนเมษาปีนี้ อัตราวีซ่าไม่ผ่านเริ่มสูงขึ้น การพิจารณาเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเหตุผลหลักๆที่วีซ่าไม่ผ่านก็มีอยู่ 3 เหตุผลหลักเลยนะคะ นั่นก็คือ

1. สถานทูตไม่เชื่อว่าผู้สมัครจะมาเรียนจริง และมาแล้วจะไม่กลับประเทศเมื่อเรียนจบ
2. หลักสูตรที่ผู้สมัครเลือกมาเรียน ไม่สมเหตุสมผลกับประวัติ และหลักสูตรนี้ไม่สร้างมูลค่าอะไรให้กับตัวผู้สมัคร ทำให้สถานทูตไม่เชื่อว่าผู้สมัครตั้งใจจะมาเรียนจริง
3. ความมั่นคงทางการเงินของผู้สมัครที่ประเทศไทย ดูแล้วไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่ออสเตรเลีย สถานทูตมองว่าผู้สมัครจะเข้ามา take opportunity ด้านอื่นๆในประเทศออสเตรเลียมากกกว่าจะมาเรียนจริง

ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลหลักๆนะคะที่หลายๆคนโดนปฏิเสธวีซ่า และทีนี้เราควรต้องทำยังไงกันบ้าง เพื่อเตรียมความพร้อมให้เรามีโอกาสวีซ่าผ่านสูงที่สุด

ก่อนอื่นเลย ก่อนจะเริ่มทำเรื่องสมัครเรียนและวีซ่า เราต้องสำรวจตัวเองก่อนนะคะ ว่าประวัติของเราเป็นยังไง เรียนจบอะไรมา ทำงานอะไรปัจจุบัน ซึ่งเราก็ควรเลือกคอร์สเรียนให้เหมาะสมกับประวัติของเรา ซึ่งคอร์สยอดฮิตที่นักเรียนไทยมักเลือกที่จะมาเรียนเลยก็คือ คอร์สภาษาอังกฤษระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี สำหรับใครที่อยากมาเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ เราก็ต้องชี้แจงให้สถานทูตทราบอย่างละเอียด (ผ่านจดหมาย GTE)ให้ได้ว่า การที่เราได้ภาษาอังกฤษ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ตัวเราต่องานที่เราทำได้ยังไง และต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไมเราถึงต้องมาเรียนถึงประเทศออสเตรเลีย

**ยกตัวอย่าง** น้องบางคนเรียนจบป.ตรี เอกภาษาอังกฤษอยู่แล้ว การมาลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษอีก ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไมเรายังต้องมาเรียนเพิ่ม โดยอาจจะต้องมีเอกสารยื่นให้สถานทูตเห็นภาพว่า ถึงแม้เราจะเรียนเอกภาษาอังกฤษมา แต่ภาษาเรายังไม่ดีพอจริงๆ เช่นใช้ผลสอบโทอิค หรือผลสอบไอเอลยื่นเข้าไปด้วย แสดงให้เห็นว่าระดับภาษาอังกฤษของเราอยู่ประมาณไหน และวางแผนการเรียนให้เหมาะสม

และอีกส่วนนึงที่เราควรจะต้องสำรวจเลยก็คือ เรื่องหลักฐานทางการเงิน ซึ่งในส่วนนี้เราสามารถให้คนในครอบครัวเป็นสปอนเซอร์ให้ได้นะคะ โดยคนที่จะเป็นสปอนเซอร์ก็จะต้องแสดงหลักฐานการทำงาน หรือการทำธุรกิจ และจะต้องแสดงให้สถานทูตเห็นถึงรายได้ต่อเดือนได้ชัดเจน ว่ารายได้ต่อเดือนเท่าไร โดยเอกสารตรงนี้ก็อย่างเช่น ใบเสียภาษี หรือสลิปเงินเดือนค่ะ ซึ่งคนที่จะเป็นสปอนเซอร์ให้กับเรา ควรมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 5-6 หมื่นบาทขึ้นไป และทำงานมาระยะเวลานึงแล้ว

สำหรับน้องๆบางคนอาจจะไม่มีสปอนเซอร์ ก็สามารถสปอนเซอร์ตัวเองได้นะคะ แต่การจะสปอนเซอร์ตัวเอง ก็ควรเป็นคนที่มีอายุประมาณนึง ทำงานเงินเดือนสูง มั่นคงพอที่จะแสดงให้สถานทูตมั่นใจได้ว่าเรามีศักยภาพมากพอที่จะดูแลค่าใช้จ่ายของเราเองได้จริงๆ

นอกจากเรื่องการเลือกคอร์สเรียน และเรื่องหลักฐานการเงินแล้ว ถ้าเรามีทรัพย์สิน หรือมีเอกสารอื่นๆที่จะสามารถยืนยันได้ว่า เมื่อเรามาเรียนจบแล้ว เราจะกลับไทยแน่นอน เพราะเรามีบางอย่างรอเราอยู่ที่ไทย เราก็ควรจะยื่นเอกสารเหล่านี้เข้าไปเพื่อซัพพอร์ตตัวเราเองด้วยนะคะ

สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะยื่นวีซ่าในปีหน้า ก็ลองสำรวจตัวเองในด้านต่างๆที่พี่แนะนำไปนะคะ ถ้าเรามีการเลือกคอร์สเรียนที่เหมาะสม มีหลักฐานการเงินพร้อม และแสดงให้สถานทูตเห็นได้ว่าเราต้องการมาเรียนจริงๆ มีแพลนอนาคตชัดเจน และจะกลับไทยแน่นอนเมื่อเรียนจบ ถ้าเตรียมตัวได้ครบ โอกาสวีซ่าผ่านมีสูงแน่นอนค่ะ

ใครมีคำถามอะไร ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการใช้บริการเอเจ้นท์ สามารถติดต่อมาได้ที่

Line @stepabroad ได้เลยนะคะ

ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่วีซ่าผ่านสมใจทุกๆคนค่า

Leave a Comment