เนื่องจากช่วงนี้คนแชทมาปรึกษาเยอะมากเพราะอยากทำวีซ่ามาเรียนต่อประเทศออสเตรเลีย… เคสที่มักเจอเกิน 70% คือ ว่างงาน กับ อายุเยอะทำงานมานานมาก ซึ่งพี่มองว่าทั้งสองเคสแบบนี้ มีความยากไม่แพ้กัน!
✳️ เพราะอะไร??? เพราะปัจจัยสำคัญในการขอวีซ่านักเรียน คือ ประวัติการศึกษา การทำงานที่ผ่านมา คอร์สที่เลือกมาเรียน จุดประสงค์ในการมาเรียน และเรียนจบแล้วกลับไทยไปจะทำอะไร ดังนั้นไม่แปลกเลยที่คนที่ประวัติดี หน้าที่การงานดี มีความมั่นคงที่ไทย จะขอวีซ่าผ่านง่าย
✳️ เคสที่มักจะมีจุดเสี่ยงทำให้ขอวีซ่าผ่านยาก จะมีสองเคสหลักๆคือ 1. ว่างงานมานาน (ในที่นี่ขอพูดในกรณี ว่างงานเกิน 1 ปี+)
2. ไม่เคยว่างงานเลย ทำงานมานานมากๆ (ทั้งเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ และแบบทำงานที่เดียวมา 6 ปี+)
✳️ ทำไมพี่ถึงบอกว่า 2 เคสนี้มีความยาก
📍เรื่องว่างงานนานๆ อันนี้น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า อิมเค้าก็จะมองว่าเราไม่มีความมั่นคงที่ไทย การขอวีซ่ามาเรียนนี้ จะขอเป็นแค่ใบเบิกทางเข้ามาในออสเตรเลียเผื่อจุดประสงค์อื่นรึเปล่า
ดังนั้น เคสว่างงาน น้องๆจะต้องปิดช่องว่างตรงนี้ด้วยการอธิบายให้อิมเค้ารับรู้ให้ได้ว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรมาบ้าง การอธิบายทำยังไงได้บ้าง
1. สื่อสารผ่านทาง GTE
2. หาหลักฐานเป็นเอกสาร/รูปถ่ายมาอ้างอิง (การชี้แจงว่าเป็นช่วงโควิด หางานไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะนำมาเขียน เพราะอิมเค้าไม่สนใจอยู่แล้ว ต้องจำจุดนี้ไว้เลยนะคะ,,, การหางานไม่ได้ = ความไม่มั่นคงทันที!)
📍ส่วนคนที่ทำงานมานานๆ แบบ 6-7 ปี++ ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ดี แต่มันก็ทำให้อิมมองได้ว่า ทำงานมานานขนาดนี้ คุณจะทิ้งความมั่นคงในหน้าที่การงานเพื่อมาเรียนต่อเอาตอนนี้หรอ?
สิ่งที่จะแนะนำสำหรับเคสแบบนี้คือ 1. เลือกคอร์สเรียนที่สอดคล้องกับประวัติที่ทำงานมา 2. สื่อสารผ่านตัวหนังสือทาง GTE 3. ควรแนบเอกสารให้ได้มากที่สุด ที่สามารถทำให้เค้าเห็นถึงความเป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนของเราตลอดเวลาที่ผ่านมา
✳️ เอาจริงๆนะ การยื่นวีซ่ามันไม่มันมีสูตรตายตัว น้องๆ 100 คน ก็ 100 ประวัติ และแต่ละผ่านอะไรมาไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นพี่คงจะไม่สามารถบอกได้ละเอียดว่าเอกสารต้องใช้อะไรบ้าง ให้จบได้ในโพสนี้โพสเดียว
✳️ นอกเหนือจากสิ่งที่บอกไปด้านบน จุดที่จะช่วยเสริมได้ดีคือ ประวัติการเดินทางต่างประเทศที่ผ่านมา หลักฐานการเงิน และทรัพย์สินต่างๆ ที่จะชูตัวผู้สมัครให้ดูดี มีความมั่นคงและมีความผูกพันกับที่ไทย
✳️ สรุปนะคะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการยื่นวีซ่าเลย คือการสื่อสารให้สถานทูตรับรู้ประวัติเรา เข้าใจตัวเราให้ได้มากที่สุด น้องๆต้องคิดไว้เสมอว่า น้องไม่มีโอกาสได้โทรคุยกับสถานทูต (ถ้าเค้าไม่โทรสัมภาษณ์) ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือ สื่อสารผ่านตัวหนังสือ และเอกสารทั้งหมดให้ละเอียด
✳️ สำหรับใครที่กำลังทำเรื่อง ก็รีเช็คตัวเองกันดีๆ หาเอกสารมาปิดจุดเสี่ยงให้หมดนะคะ ✌🏻